วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

  
           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ที่ี่ ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี (ที่ทำการอุทยาน ตั้งอยู่ที่ ตำบล ลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง) ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่ คำว่า สิมิลัน เป็นภาษายาวี หรือ มลายู แปลว่า เก้า หมู่เกาะสิมิลัน เป็น หมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามันมี 9 เกาะ เรียงจากเหนือ มา ใต้ คือ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยันเกาะเมี่ยง เกาะปายู เกาะหัวกะโหลกเกาะสิมิลัน และเกาะบางู หมู่เกาะสิมิลัน ได้รับการยกย่อง ว่าเป็น หมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและ น้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา ปลาไหลมอเร่ (moray) แนวปะการังที่พบในเขต อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน เป็น แนวปะการังน้ำลึก มีความหลากหลายของชนิดปะการังมาก เช่น ปะการังเขากวาง แปรงล้างขวด และปะการัง Seriatopora histrix พบเป็นชนิดเด่นในขณะที่หมู่เกาะอื่น ไม่พบปะการังในกลุ่มนี้เลย (ยกเว้นหมู่เกาะสุรินทร์) บริเวณที่มี แนวปะการัง ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายเกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายังเกาะปาหยัน และเกาะหูยง นอกจากปะการังแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่อาศัยรวมอยู่ในแนวปะการังอีก หลายชนิด ที่สามารถพบได้ทั่วไป ได้แก่ ฟองน้ำ ปะการังอ่อน กัลปังหา ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ หมึก กุ้งมังกร และปู สำหรับปลาในแนวปะการังได้้มีการสำรวจและพบอย่างน้อย 54 ชนิด เช่น ปลากะรัง ปลากะพง ปลาหมูสี ปลาสร้อยนกเขา ปลาผีเสื้อ ปลานกขุนทอง เป็นต้น ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน นอกจากนั้นจะประกาศปิดเกาะ
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
1. เกาะสิมิลัน (เกาะแปด)
เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการเดินทางสู่หมู่เกาะสิมิลัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีหาดทรายขาวละเอียดใต้ทะเล มีปะการังหลายชนิด เป็นเกาะที่สามารถดำทั้งน้ำลึกและน้ำตื้นด้านเหนือของเกาะมีหินขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้าย รองเท้าบู๊ต ถัดมาเป็นหินเรือใบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะสิมิลันด้วย เกาะแปดเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่ครบ ทุกรสชาติตั้งแต่การเที่ยวชายหาด ดำน้ำดูปะการัง เส้นทางเดินศึกษธรรมชาติ และจุดชมวิวที่สวยงาม ชายหาด ของเกาะแปดมีทั้งหมด 2 หาด แนวชายหาดที่โดดเด่นอยู่ทางทิศตะวันตก หนึ่งหาด และชายหาดด้านทิศตะวันออกอีก 1หาด ชายหาดทั้งสองด้านนี้ถูกเชื่อมด้วยด้วยเส้นทางเดินป่าระยะทางประมาณ 2.5 ก.ม.ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางศึกษาธรรมชาติใช้เวลาเดินทาง 1.30-2 ชั่วโมง บนเกาะแปดเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลานกางเต้นท์ ร้ายอาหาร ที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว จุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเกาะแปด คือ

- อ่าวเกือก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะแปด ตรงข้ามกับเกาะเก้าอ่าวเกือเป็นอ่าวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ เกาะแปดอ่าวเกือก มีลักษณะที่โค้งลึกเข้าไปในตัวเกาะลักษณะคล้ายเกือกม้่าขนาบด้วยปลาย แหลมที่ยื่นลงไป ในทะเลทางด้านขวา ของอ่าวนี้เป็นเนินเขาที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ ด้านบนสุดมีหินรูปร่างแปลกตาคล้ายกับใบเรือ เรียกว่าหินเรือใบสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้จัก หมู่เกาะ สิมิลัน ชายหาดของอ่าวเกือกยังเป็นหาดทรายที่นักท่องเที่ยวนิยมในการเล่นน้ำอาบแดด อีกด้วยเพราะ หาด ทราย มีเม็ดทรายที่ละเอียด สีขาวสะอาด น้ำทะเลใสจนมองเห็นพื้นทรายระดับน้ำไม่ลึกเหมาะกับการเล่นน้ำหรือดำน้ำ โดยบริเวณหัวหาดด้านหินเรือใบมีโขดหินและก้อนหินที่ฝูงปลามากมายรวมถึงมีแนว ปะการังขนาดย่อมให้ฝึกดำน้ำ ด้วยเหนือหาดเป็นที่ราบขนาดใหญ่แต่มีขนาดเล็กกว่าเกาะสี่ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานหมู่เกาะสิมิลัน มีร้านอาหาร ห้องน้ำ เต้นท์ ไว้บริการนักท่องเที่ยว หากมาท่องเที่ยวแบบ one day trip จะมาพักรับประทาน อาหารที่นี่นอกจากเที่ยวชายหาด พักผ่อนเล่นน้ำแล้ว ยังมีทางขึ้นไปชมจุดชมวิวบนหินใบเรือระยะทาง 150 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของอ่าวเกือกได้ทั้งหมด รวมถึงวิวทิงทัศน์ของเกาะเก้าที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือด้วย ซึ่งยัง เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกตอนเย็นได้ด้วย หรือจะเดินไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกโดย เฉพาะซึ่งอยู่ห่างจาก ศูนย์บริการระยะทาง 400 เมตร เป็นเนินเขาอีกลูกเหนือหนึ่งทางทิศเหนือของเกาะแปดที่ มองเห็นหินเรือในขณะที่พระอาทิตย์ลับขอฟ้าได้อย่างสวยงามที่สุดของหมู่เกาะ สิมิลัน นากจากนี้จากศูนย์บริการ นักท่องเทียวยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากอ่าวเกือกไปอ่าววงช้าง ระยะทาง 2.5 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30-2 ช.ม.
อ่าวเกือก  
- อ่าววงช้าง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแปด อ่าววงชายเป็นอ่าวที่มีชายหาดเพียงแห่งเดียวในฝั่ง ทิศตะวันออก ของเกาะแปด เป็นอ่าวที่มีโค้งอ่าวกว้างมีหาดทรายสีขาวสะอาดยาวจรดปลายแหลมทั้งสองด้าน มีความยาวมากกว่าชายหาดของอ่าวเกือก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกพักที่อ่าวเกือกแล้วเดินมา เที่ยวที่อ่าววง ช้างแบบไป เช้าเย็นกลับโดยเตรียมอาหารมื้อกลางวันแบบปิกนิคริมหาด บรรยากาศโดยทั่วไปของ อ่าววงช้างค่อน ข้างเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวมาก การเดินทางมาที่ใช้เส้นทางศึกษาธรรมชาติจากอ่าวเกือกไปอ่าววงช้าง ระยะทาง 2.5 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30-2 ช.ม.ซึ่งระหว่างเส้นทางจะผ่านจุดชมวิวมุมสูง ที่มองเห็น ปลายเกาะทางทิศใต้ของเกาะแปด หินปูชาร์ เกาะเจ็ด เกาะหก เกาะห้า เกาะสี่ เรื่อยไปจนถึงเกาะหนึ่งได้ อย่าง ชัดเจน เส้นทางเดินนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนบนเกาะแปดเท่านั้น เพราะใช้เวลาไปกลับ 4-5ชั่วโมง และควรเริ่มเดินในตอนเช้า พร้อมข้าวห่อมื้อกลางวัน พักผ่อนเล้นนำ้ที่อ่าววงช้างแ้ล้วเดินกลับใน ช่วงบ่าย นักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมาที่นี่ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ของอุทยานเพื่อให้นำทาง
2. เกาะสี่ (เกาะเมี่ยง)
นอกจากเกาะแปดแล้วการท่องเที่ยวสิมิลันจะสมบูรณ์ไมไ่ด้หากคุณไมไ่ด้มาท่อง เที่ยวเกาะสี่ เกาะสี่เป็นเกาะที่ ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของหมู่เกาะสิมิลัน เกาะนี้เป็นเหมือนศูนย์กลางของทั้ง 9 เกาะเนื่องจากตั้งอยู่ตรงกลาง ของ เกาะบริวารอื่นๆ และเป็นที่ทำการของอุทยานแห่งชาติสิมิลันด้วย มีแนวชายหาดท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ 2 หาด คือ หาดหน้า ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ และหาดเล็กตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก โดยมีหาดหน้าเป็นเหมือนประตูสู่ เกาะสี่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบ้านพัก ลานกางเต้นทื ร้านอาหาร ห้องน้ำ้ ศูนย์นิทรรศการ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมค้างคืนบนเกาะสี่มากกว่า นอกจากนี้ยังมีบริการเรือหางยาวพาไปดำนำตามเกาะต่างๆ ด้วย นอกจากเกาะสี่จะเป็นศุนย์รวมของสิ่ิงอำนวยความสะดวกต่างๆแล้ว ยังมีแนวชายหาดที่ให้่เลือกพักผ่อนถึง 2 หาด นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่สวยงาม คือ จุดชมวิวลานข้าหลวง เป็นหน้าผาหินอยู่เหนือหาดเล็กทางทิศตะวันออก ของเกาะ ซึ่งสามารถ มองเห็นวิวของหาดเล็ก เกาะหกและเกาะห้าได้ และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ใน ยามเช้าด้วย บนเกาะสี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประจำถิ่น คือ ปูไก่และนกชาปีไหน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ง่ายบน เกาะสี่เท่านั้นรวมถึงค้างค้างแม่ไก่ที่ส่งเสียงร้องในตอนกลางคืน รอบๆเกาะสี่ยังมีจุดดำน้ำที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งเหมาะทั้งการดำผิวน้ำและดำน้ำลึกอีกด้วย
หมู่เกาะสิมิลัน
- หาดหน้า เป็นชายหาดที่ยาวที่สุดของเกาะสี่ สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลงใหลชายหาดของเกาะสี่ คือ เม็ดทราย สีขาวละเอียดนุ่มเท้ากับน้ำทะเลที่ใสสะอากจนมองเห็นพื้นทรายได้ ชายหาดที่หาดหน้าได้รับการยกย่อง ว่าเป็น ชายหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ริมหาดยังร่มรื่นด้วยป่าชายหาด ทางด้านทิศเหนือของ หาดเป็น ภูเขาตัดสู่แหลมหินให้ยืนชมวิวหน้าหาดได้ และยังมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะเจ็ดและเกาะแปดด้วย ส่วนทาง ทิศใต้ของหาดกั้นด้วย ก้อนหินขนาดใหญ่ ถัดจาก้อนหินนี้ไปคือหาดนุ้ย แนวหาดเล็กๆ ยาวประมาณ 20 เมตร จากหาดหน้ายังมีเส้นทางเดินไปหาดเล็ก ซึ่งอยู่ด้านหลังเกาะสี่ ระยะทาง 358 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาที โดยจะผ่านป่าดิบที่สมูรณ์เส้นทางนี้เดินงานเป็นทางราบตลอดเส้นทาง
ทะเลใสมุมด้านหน้าหาด
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
มุมด้านเหนือของหาดหน้าสวยไม่แพ้กัน
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
อีกมุมของหาดหน้า
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
- หาดเล็ก เป็นชายหาดที่ยาวประมาณ 200 เมตร หาดเล็กเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไม่แพ้หาดหน้า เพราะมี ทรายที่ละเอียด ระดับน้ำตื้นเหมาะแก่การเล่นน้ำ ริมหาดร่มรื่นด้วยป่าชายหาด บริเวณรอบๆเกาะเล็กมีแนวปะการัง น้ำตื้นที่กระจายอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ โดยเฉพาะแหลมทางทิศเหนือของหาดเล็้กนั้นเป็นโขดหินริม หาดและ แนวหิน ใต้น้ำที่มีปลาทะเลชุกชุมและแนวปะการังใต้น้ำด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาหาดเล็กด้านหลังของเกาะ สามารถ เดินไปชมวิว ที่จุดชมวิวลานข้าหลวงได้ ระยะทางประมาณ 450 เมตร ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที
ด้านหน้าของหาดหน้าทรายละเอียดมาก
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
มุมทางด้านทิศเหนือ
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
อีกมุมของหาดหน้า
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
- จุดชมวิวลานข้าหลวง เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงามที่สุดบนเกาะสี่ มีลักษณะเป็นหน้าผาบนก้อนหิน ใหญ่ที่อยู่บนยอดเขา สามารถเห็นวิวได้ 180 องศา เส้นทางในช่วงแรกจะผ่านป่าไผ่ที่ไม่ชันมานัก จากนั้นเป็น แนวป่าโปร่งเส้นทางชั้นกว่าช่วงแรกเล็กน้อยแต่เดินง่าย เพราะทำทางไว้อย่างดี จนถึงช่วงสุดท้าย ของจุดชมวิว ต้องปีนโขดหินโดยดึงเชือกที่ผูกกับต้นไม้ บริเวณจุดชมวิวลานข้าหลวงจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะเจ็ด และด้านท้ายเกาะแปด ส่วนด้านเหนือของจุดชมวิวจะมองเห็นปลายเกาะสี่ แนวหาดเล็กและระดับน้ำตื้นๆหน้าหาด เห็นแนวปะการังและทิวทัศน์ของเกาะห้า และเกาะหกได้ เนื่องจากบริเวณนี้มีต้นเฟินข้าหลวงเป็นจำนวนมาก จึงเรียกจุดชมวิวนี้ว่า จุดชมวิวลานข้าหลวง
จุดชมวิวลานข้าหลวงระยะทาง 350 เมตร
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
มุมทางด้านทิศเหนือ
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลัน
-จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก จากหาดหน้ามีเส้นทางเดินผ่านบ้านพักทางทิศใต้ตัดขึ้นเนินเขา ระยะทางประมาณ 400 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกของเกาะสี่ แม้ว่าจะำไม่โดดเด่นเก่ากับ จุดชมวิว พระอาทิต์ตกของเกาะแปดที่มองเห็นหินเรือใบ แต่ที่จุดชมวิวแห่งนี้ก็มีทิวทัศน์ของโขดหินขนาดใหญ่ที่สวยงาม แปลกตา สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของจุดชมวิวแห่งนี้ คือ การได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆหายไปท่ามกลาง ผืนน้ำอันกว้าง ใหญ่โดยไม่มีสิ่งใดมาบดบัด เส้นทางเดินไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกแห่งนี้มี ระยะทางไม่ไกล มากนัก เส้นทางจะขึ้นเนินเตี้ยๆโดยมีเชือกไว้ช่วยดึง เดินผ่านเนินเขาแล้วเป็นเส้นทางที่เดินง่ายเลาะไปตามสัน เขาเล็กน้อย ระหว่างทางจะผ่านหาดนุ้ย ชายหาดเล็กๆ ยาวประมาณ 20 เมตร
จุดดำน้ำหลักๆ ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สามารถแบ่งออกได้เป็นจุดดำน้ำตื้นและจุดดำน้ำลึก ซึ่งได้แก่
จุดดำน้ำตื้น สามารถดำน้ำได้รอบๆ เกาะทุกเกาะ แต่มีบริเวณที่น่าสนใจ ได้แก่ อ่าวหิน เรือใบ อ่าวกวางเอน หินดอกไม้ และหลังเกาะเมียง
จุดดำน้ำลึก บริเวณที่น่าสนใจ ได้แก่ เกาะบอน กองหินคริสต์มาส กองหินแฟนตาซี อ่าวกวางเอน แหลมประภาคาร หินปูซาร์ หินสามก้อน หินดอกไม้ หัวเกาะเมียง สวนปลาไหล สันฉลาม และกำแพงเมืองจีน
- เกาะเก้า (เกาะบางู) เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีโขดหินรูปลักษณะต่าง ๆ โดยเฉพาะที่จุดดำน้ำ กองหินคริสมาสพอยต์เป็น กองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามสลับซับซ้อนกันเป็นบริเวณกว้าง จะมีแนวปะการัง และกัลปังหาที่สมบูรณ์ และยังเป็นที่อยู่ของปลาหลากชนิด เช่น ปลาไหลริบบิ้น ฉลามครีบเงิน ปลาเก๋า ปลาบู่ กั้งตั๊กแตน
- เกาะหูยง หรือ เกาะหนึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีหาดทรายขาวสะอาด และยาวมากที่สุดในเก้าเกาะมักจะมี เต่าทะเล ขึ้นมาวางไข่ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เห็นร่องรอยของเต่าที่ขึ้นมา วางไข่บน ชายหาดคล้ายกับรอยตีนตะขาบเล็ก ๆ
- หินปูซาร์หรือเกาะกะโหลก เป็น เกาะอันดับ 7 ของหมู่เกาะสิมิลัน มีลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ มีลักษณะ แปลก มาก เมื่อมองดูจากมุมหนึ่งจะเห็นเป็นรูปหัวกะโหลก สภาพใต้น้ำของเกาะนี้สวยงามแห่งหนึ่ง และมีระดับ ความลึกที่แตกต่างกันออกไปหลายระดับชั้น สภาพเหมือนหุบเขาใต้น้ำที่เต็มไปด้วย ปะการัง และหุบเหวลึก ปลาใหญ่น้อยนับแสน พากันเวียนว่ายอยู่ตามก้อนหิน และบางครั้งมีโลมาปรากฏให้เห็น
จุดชมวิวลานข้าหลวงระยะทาง 350 เมตร
- เกาะสาม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะปาหยัน มีสภาพทั่วไปของเกาะเป็นหิน ลักษณะเป็นหน้าผา ไม่มีหาดทราย แต่เป็นแหล่งดำน้ำลึกที่นักดำน้ำลึกนิยมอีกแห่งหนึ่ง มีการขนานนามบริเวณนี้ว่า สันฉลาม บ้างก็ขนานนามว่า กำแพงเมืองจีน ซึ่งเรียกตามลักษณะกำแพงหินธรรมชาติใต้น้ำที่มีความโอฬารมาก บริเวณนี้จะพบฝูงปลา จำนวน มากที่แวะเวียนมาหากินอยู่ข้างๆ กำแพงหินธรรมชาติใต้น้ำ เช่น ฝูงปลาสาก และยังมีกัลปังหา ที่มีสีสันสวยงาม อีกเป็นจำนวนมาก
- เกาะห้า เป็นเกาะเล็กๆ แต่เป็นจุดดำน้ำที่น่าสนใจ และงดงาม มีเอกลักษณ์ของเกาะ คือ ปลาไหลสีขาวเทา ที่ชอบโผล่หัวชูคอขึ้นมาจากรู จนได้ชื่อว่า สวนปลาไหล บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยปะการังอ่อน ปะการังแข็งที่มี อยู่มากมาย
- เกาะหก หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะปายู มีลักษณะของเกาะเป็นภูเขาหิน เป็นหน้าผา มีชายหาดด้านตะวันออก แนว ปะการังบริเวณนี้กว้างประมาณ 150-200 เมตร ด้านตะวันตกเป็นหน้าผาสูงชัน ไม่มีแนวปะการังที่ชัดเจน แต่มี กองหินและปะการังขึ้นกระจาย มีปะการังก้อนขนาดใหญ่อยู่บ้างในความลึก 20 เมตร ด้านเหนือเป็น แหลมเล็กๆ ด้านใตเป็น้แนวหิน
- เกาะบอน หรือเรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า เกาะทะลุ เป็นเกาะเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาที่ชุกชุมมาก จุดเด่นคือ สะพานหิน ที่เกิดจากหินที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเป็นโพรงมองคล้ายสะพานโค้งข้ามแม่น้ำ เป็นเกาะที่นักดำน้ำสามารถ ทักทายกับเจ้ายักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเล นั่นคือ เจ้ากระเบนราหู ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบ ได้ง่ายกว่าแหล่ง ท่องเที่ยวแหล่งอื่น
- เกาะตาชัย เป็นเกาะที่เพิ่งประกาศให้อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิ มิลัน เป็นเกาะที่ยังคง รักษา สภาพธรรมชาติได้เป็นอย่างดีทางอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมสถานที่กางเต๊นท์ ไว้ให้บริการ มีสิ่งอำนวย ความสะดวกรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน คือ ลานกางเต๊นท์ที่กว้างขวางร่มครึ้มใต้ร่มไม้ซึ่งมองเห็น หาดทราย ขาวสะอาด ห้องน้ำชาย-หญิง ร้านอาหารสวัสดิการที่คอยให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มทุกวัน เส้นทางศึกษา ธรรมชาติ และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความโรแมนติกในยามเย็น ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้นทางไว้ให้ นักท่องเที่ยวได้เดินเท้าระยะสั้นๆ ประมาณ 20 นาที ไปชมพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือ ดำน้ำตื้น บริเวณรอบๆ เกาะมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์สวยงามมาก
 
 
ที่มา: http://www.paiduaykan.com/76_province/south/phangnga/similan.html

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก


            การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  โครงการ "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก" หวังกระตุ้นให้คนไทยทั้งประเทศหันมาเที่ยวไทยด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศ  หากยังก่อให้เกิดคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ และยัง สร้างความภาคภูมิใจสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกคนที่ได้มีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เพราะการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
จะทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในประเทศ และช่วยให้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้ขับเคลื่อน ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและบรรยากาศของประเทศโดยรวม

             การแสดงมินิคอนเสิร์ตเพลง"เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก" โดยศิลปิน "โปงลางสะออน" ททท.เปิดแคมเปญใหม่ปลุกกระแส เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคักมุ่งสร้างคุณค่าการท่องเที่ยวในมิติใหม่ หวังกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศให้โต 5% ตามเป้า จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. เปิดตัวโครงการ เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคักมุ่งสร้างคุณค่ามิติใหม่ของการท่องเที่ยวให้คนไทยเกิดความภูมิใจที่ได้ช่วย เศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งเร่งกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศให้โต 5% ตามเป้า พร้อมทั้ง เปิดตัวเพลง "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก" ที่มีจังหวะสนุกสนานโดยศิลปินชื่อดัง "โปงลางสะ ออน" รองผู้ว่าการ ททท. ยังได้กล่าวอีกว่า เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ปี 2551-2552 เป็นปีท่องเที่ยวไทย และกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ถือเป็นมาตรการหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบจากสภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
            ททท.ได้จัดทำแคมเปญใหม่ ภายใต้แนวคิด เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคักที่มุ่งส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นพิพิธภัณฑ์อุทยานมังกรสวรรค์ จ.สุพรรณบุรี สำหรับโครงการเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก ททท. มุ่งเน้นไปที่การสร้างมิติใหม่แห่งคุณค่าของ การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยทำให้ประชาชนตระหนักถึงประโยชน์ของการท่องเที่ยวที่ไม่เพียงแต่ให้ความ สุข สนุกสนาน และได้เรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ เท่านั้น หากยังก่อให้เกิดคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ และยังสร้างความภาคภูมิใจสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกคนที่ได้มีส่วนช่วยใน การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เพราะการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในประเทศ และช่วยให้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้ขับเคลื่อน ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและบรรยากาศของประเทศโดยรวม

พระธาตุนาดูน

                                    



       พระธาตุนาดูนเป็นโบราณวัตถุที่มีอายุมากว่า 1,300 ปี ขุดพบเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2522  บนที่นาของนายทองดี ปะวะภูตา ราษฏรบ้านนาดูน ต.นาดูน อ.นาดูน  จังหวัดมหาสารคาม การค้นขุดค้นพบตอนแรก ขุดได้โดยคนหลายกลุ่มคน  แต่เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยศิลปากรที่ 7 ขอนแก่น ได้ติดตามวัตถุในส่วนที่เกี่ยวข้องกัน จากส่วนหนึ่งที่ขุดได้ ก็สามารถนำมารวมกัน ปรากฏว่า ต่อเข้ากันได้รูปทรงเหมาะสมกันดีมาก มีการพิสูจน์อีกครั้งว่าสถูปนี้ใช้สำหรับบรรจุสิ่งใด ผลการตรวจพิสูจน์รายละเอียดวัตถุโบราณชิ้นนี้แล้ว ลงความเห็นว่าเป็นสถูปที่ใช้บรรจุพระ สารีริกธาตุ ลักษณะสถูปทำด้วยทองสำริด มีส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ 1.ส่วนยอด มีลักษณะ เป็นปล้องไฉน จำนวน 2 ปล้อง ส่วนบนสุดเป็นปลียอดกลม 2. ตัวสถูปทำด้วยทองสำริด มีลักษณะคล้ายระฆัง หรือโอคว่ำ ส่วนยอดของตัวสถูป จะรับเข้ากับส่วนล่างสุดของส่วนยอดพอดีในการขุดครั้งนั้น ชาวบ้าน รวมทั้งผู้คนทั่วสารทิศ ขุดได้พระพิมพ์ต่าง ๆ ได้หลายสิบกระสอบ และในปัจจุบันวัตถุเหล่านั้น บูชากันราคาระดับต้น ๆ ของเมืองไทยกราบพระธาตุนาดูน ณ พุทธมณฑลอีสาน และศึกษาประวัติได้ที่พระธาตุนาดูน  อ.นาดูน จ.มหาสารคาม หรือ web site การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย


ที่มา: http://www.rd.go.th/mahasarakham/59.0.html