วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมืองไทย ครั้งหนึ่งในชีวิต

12 แหล่งท่องเที่ยว สุดประทับใจที่ต้องไปสักครั้ง


ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง

1. ต้องมนต์เสน่ห์ทะเลใต้ จ.ตรัง

          หากยังไม่รู้จะไปเที่ยวทะเลที่ไหน ตามเรามุ่งลงใต้ไปเที่ยวตรังดีกว่า เพราะมีเกาะน้อยใหญ่ให้พักหย่อนใจไม่รู้เบื่อ จะไปเล่นน้ำหรือนั่งเรือรอบเกาะ รอพบพะยูนที่ เกาะลิบง ลอดถ้ำชมความงามของ ถ้ำมรกต ที่ เกาะมุก ดำน้ำดูโลกใต้ทะเลที่ เกาะแหวน ดำดิ่งดูปะการังที่ เกาะไหง หรือจะพาหวานใจไปสวีตที่ เกาะกระดาน ก็ได้ รับรองว่าเกาะงามแห่งทะเลใต้เมืองตรังมีอะไร ๆ ให้ประทับใจไม่ลืมจริง ๆ

          ตรัง เมืองหมูย่างรสเลิศ เสน่ห์หาดทรายงาม







2. เดินดงมอหินขาว จ.ชัยภูมิ

          "สโตนเฮนจ์เมืองไทย" ใคร ๆ เรียกกันเช่นนั้น เพราะเหล่าหินผายืนตัวสูงเด่นมองเห็นแต่ไกล น่าอัศจรรย์ใจไม่ต่างกับสโตนเฮจน์ แห่งที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ที่อังกฤษ กลุ่มหินเหล่านี้อายุ 195-175 ล้านปี เกิดการเปลี่ยนรูปทรงไป เมื่อเปลือกโลกเคลื่อนตัวกลายเป็นเสาหินประหลาด เช่น เสาหิน 5 ต้น เสาหินโขลงข้าง สวนหินล้านปี หน้าฝนที่นี่จะเต็มไปด้วย ดอกไม้ป่า ขณะที่ยามค่ำมีดาวให้นอนนับแสนล้านดวง เมื่อผนวกกับเรื่องเล่าว่า ทุกคืนวันพระจะมีแสงสีขาวส่องสว่างจากมอหิน ก็ยิ่งสร้างความพิศวงแก่เราผู้มาเยือน

          คืนมหัศจรรย์นอนนับดาวที่ มอหินขาว 


สามพันโบก

สามพันโบก
สามพันโบก

สามพันโบก
สามพันโบก

สามพันโบก
 
สามพันโบก

สามพันโบก 

3. ฝ่าแดดสู่ สามพันโบก จ.อุบลราชธานี
          เกาะแก่งกลางลำน้ำโขงที่ผุดขึ้นยามฤดูร้อน แล้งน้ำกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างน่าทึ่ง แม้เปลวแดดจะร้อน แต่ผู้ชื่นชมธรรมชาติอย่างเรายังมุ่งมั่นเดินฝ่าแดด เพื่อชมโบกหรือแอ่งน้ำขิงที่สะท้อนเงาปุยเมฆขาว แก่งหินรูปทรงสวยประหลาดตามแต่จินตนาการ ชมสายน้ำโขงไหลเอื่อยใต้ผืนฟ้ากว้าง พอแดดร่มก็คลายร้อนด้วยการแกว่งเท้าเล่นในน้ำ เพื่อนบางคนกระโดดเล่นน้ำในสระมรกตใสแจ๋วกลางแก่งหิน แล้วนั่งชมอาทิตย์ลับฟ้า ณ สามพันโบก...โรแมนติกสุด ๆ

          มหัศจรรย์ สามพันโบก แกรนด์แคนยอนเมืองไทย 


ทุ่งบัวตอง


4. ดูบัวตองที่ ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน

          สีเหลืองสดของดอกบัวตองช่างล่อตาล่อใจนัก เทศกาลชมดอกบัวตองในฤดูหนาวที่ผ่านมา เราจึงยอมนั่งรถไกลไปหลายร้อยโค้งเพื่อขึ้น ดอยแม่อูคอ ไปชมเจ้าหล่อนซะหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะปีนี้ กลีบดอกบานเบ่งสะใจผู้ชมอย่างเรา และหากเดินทางไปอีกหน่อยก็จะมี น้ำตกแม่อูคอ และ น้ำตกแม่สุรินทร์ ที่น่าไปเที่ยว หรือจะแวะไปถ้ำชมความงามน่ามหัศจรรย์ของผลึกแร่แคลไซต์ที่ วนอุทยานแก้วโกมล ต่อด้วยเดินชม ช่องแคบเขาขาด ที่สูงร่วม 32 เมตร ที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงเหมือนที่เราไปมาก็ได้

          ดอยแม่อูคอ ขุนเขาแห่งทะเลดอกไม้สีทอง จ.แม่ฮ่องสอน 


ชมพูภูคา ดอยภูคา

ดอยภูคา น่าน

5. นางพญาเสือโคร่งบน ดอยภูคา จ.น่าน

          หากสีชมพูแทนความหวานแห่งรักเมืองน่าน ก็คงตกอยู่ในห้วงรักทุกครั้งที่ ดอกนางพญาเสือโคร่ง บาน ในช่วงต้นปีเมืองน่านคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ที่อยากมาชมดอกไม้งามชนิดนี้ โดยเฉพาะที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว แต่เราก็ไม่หวั่นค่ะ เราไปกางเต็นท์พักแรมนอนดูดาว ตื่นเช้าเดินชมสายหมอกดอกไม้ แล้วต่อด้วยการแอ่วเมือง สัมผัสชีวิตอิ่มสุขแบบชาวน่านที่หลายคนอิจฉา

          แอ่ว ดอยภูคา ชมดอกชมพูภูคาบานสะพรั่ง


เที่ยวกรุงเทพ


6. พิงใจอิงเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร

          สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ผูกพันกับคนไทยมานาน จนบางครั้งอาจถูกมองข้ามความสวยงามตรงหน้า โดยเฉพาะคนเมืองที่คุ้นเคยกับวิวสวยของตึกสูง จริง ๆ ไม่ว่าจะเวลาไหนเจ้าพระยาก็สะท้อนความงามให้เราเห็นได้เสมอ หาเวลาว่างสักวันไปล่องเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยากันเถอะ เริ่มจากไหว้พระที่วัดเก่าแก่ ชมสถาปัตยกรรมริมน้ำแวะกินของอร่อย ๆ ที่ทำเรือต่าง ๆ พอแดดเริ่มอ่อนแรงก็หามุมนั่งชมวิวเจ้าพระยายามเย็น...เป็นความสุขง่าย ๆ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง

          ล่องเจ้าพระยาไหว้พระ 9 วัด เสริมสิริมงคล
          นั่งเรือด่วนล่องเจ้าพระยา เลียบเกาะรัตนโกสินทร์




7. พิศวงม่อนเสาหิน จ.แพร่

          ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันเกิดจากการประทุของภูเขาไฟ เปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของเมืองแพร่ มีลักษณะเหมือนนำแท่งหินมากองรวมกันจนกลายเป็นภูเขาสูงชาวบ้านเรียก “ม่อนหินกอง” ก่อนเปลี่ยนเป็น ม่อนเสาหิน เราสามารถเดินชมม่อนตามจุดต่าง ๆ เช่น ม่อนเจ้าอาจญาม่อนเจ้าดำ ม่อนปู่หมื่นลอง แต่จุดถ่ายภาพสวยสุดคือ ม่อนเสาหินพิศวง ที่แท่งหินเรียงตัวคล้ายหน้าผา เหมือนแท่งหินไจแอนต์ คอสเวย์ ในไอร์แลนด์เหนือและที่เมืองซีนอปในตุรกี

          มาแอ่วแพร่กันเต๊อะ

จันทบุรี

จันทบุรี

8. เที่ยวทะเลาจันท์วันฟ้าแจ่ม จ.จันทบุรี

          อยากเที่ยวทะเล...แต่ไม่อยากไปไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แค่พุ่งตรงไปเมืองจันท์ก็จะได้ชื่นชมทะเลตะวันออกที่สวยงาม ไม่แพ้ทะเลใต้แม้แต่น้อย และถ้าไม่อยากออกทะเล แวะไป อ่าวคุ้งกระเบน ก็มีกิจกรรมทำเพลิน ๆ เช่น เดินศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ดูพันธุ์สัตว์น้ำที่ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำของกรดประมง ไปเที่ยวชมวิวที่ หาดคุ้งวิมาน นั่งกินส้มตำชายหาด และเดินเล่นในเมืองเก่าจันทบูร เท่านี้ก็มีความสุขมากมายในวันพักผ่อนชายทะเลใกล้กรุงเทพฯ

          เมืองแห่งความสุข ที่สามารถสัมผัสได้ตลอดทั้งปี...จันทบุรี


ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกสร้อยสวรรค์

ทุ่งดอกไม้ป่าน้ำตกสร้อยสวรรค์


9. ผลิบานบนลานผาแต้ม จ.อุบลราชธานี

          หน้าหนาวใคร ๆ ก็ไป อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เพื่อชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่า ประมาณว่ามีดอกไม้มากกว่า 30 สายพันธุ์แข่งกันบานบนลานหินกว้างกว่า 30 ไร่ เช่น ดอกดุสิตา สร้อยสุวรรณา มณีเทวา ทิพเกสร ฯลฯ หลอกล่อเหล่าแมลง รวมถึงนักถ่ายภาพให้ใช้เวลาเก็บภาพสวย ๆ กันอยู่นาน ไม่ไกลกัน ยังมองเห็นน้ำตกสร้อยสวรรค์ และทิวทัศน์ฝั่งลาวได้อีกด้วย

          ผาแต้ม งดงามทางธรรมชาติและอารยธรรม


อุทัยธานี

อุทัยธานี


10. สะแกกรังยังสงบงาม จ.อุทัยธานี

          จนถึงวันนี้แม่นำสะแกกรังยังคงมอบความสุขแก่ทุกชีวิต แม้แต่เราที่มีโอกาสนั่งเรือกินมื้อกลางวัน ชมชีวิตเรือนแพที่ยังมีให้เห็นอยู่ประปราย ตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นริมฝั่ง ตักบาตรกับพระในเรือพาย แล้วไปเดนิตลาดเข้า ก่อนไปไหว้พระขอพร เดินชมภาพจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ภายในวัดอุโปสถารามที่ทอดเงาอย่างสงบนิ่งในสายน้ำ...เป็นความสุขใจที่ผู้อ่านไปสัมผัสได้เช่นกัน

           วันแห่งความสุข ณ ลุ่มน้ำสะแกกรัง


เกาะไข่นอก

เกาะไข่นอก


11. เพลินใจ เกาะไข่ จ.ภูเก็ต

          หากคุณรักทะเลและการดำน้ำ ต้องไม่พลาด เกาะไข่ แห่งทะเลอันดามันไม่ว่าจะเป็น เกาะไข่ใน ไข่นอก และไข่นุ้ย ล้วนเดินทางสะดวกด้วย สปีดโบ๊ต นอกจากรูปทรงของเกาะที่มีหาดขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลครามสีเข้ม และมีโขดหินตั้งสูงให้ปืนป่ายขึ้นไปนั่งชมทะเล จุดเด่นของเกาะนี้อยู่ที่เป็นแหล่งดำน้ำตื้นอันขึ้นชื่อ จะดำน้ำดูปลาเสือ ปลานกแก้ว ปลาการ์ตูน ไปจนถึงปะการังเขาอ่อนและหินซ้อนก็เพลินได้ทั้งวันเลยล่ะ

          ล่องทะเล เที่ยวเกาะสวรรค์ เกาะไข่นอก


ลำพูน

12. สุขใจไปกับสายน้ำปิง จ.ลำพูน

          เราเดินทางไปไหว้พระธาตุหริภุญไชย จึงมีโอกาสไปล่องเรือชมทัศนียภาพลำน้ำปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง โดยลงเรือที่แก่งก้อชมทิวทัศน์สองฝั่งน้ำ ที่มีทั้งโตรกผาสูงสลับกับหินงอกหินย้อยระสายน้ำ แล้วล่องไปแก่งสร้อยดูซากกำแพงและเจดีย์โบราณของ วัดพระธาตุแก่งสร้อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเมืองสร้อยอายุ 800 ปีที่จมลงใต้ผืนน้ำ จากนั้นนั่งชมพระอาทิตย์ตกบน ดอยกระตึก ก่อนกลับมาอร่อยกับมื้อค่ำที่เรือนพักริมน้ำปิงอย่างสุขใจ




 

ที่มา: http://travel.kapook.com/view25345.html

สถานที่ท่องเที่ยวไทย - GoalRanks

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว 4 ภาค

ภาคเหนือ

พระธาตุดอยสุเทพ

เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและทางประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1927 มีบันได้นาคทอดยาวขึ้นไปสู่วัดเกือบ 300 ขั้น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ทรงมอญ ที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ มีชื่อเต็มว่า “วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพวรวิหาร”   ซึ่งจัดได้ว่า  เป็นปูชนียสถานที่แสดงออกถึงศิลปกรรมล้านนาไทยที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่อนุสาวรีย์พระครูบาศรีวิชัย


                                                         ภาคกลาง
                                                                                                   
                                                         วัดพระแก้ว




พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" เมื่อพ.ศ.2325 ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ให้เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ในวังหลวงอยุธยา และให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต จึงเรียกชื่อ "วัดพระแก้ว" ทั่วกัน   วัดพระแก้วไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอารามมีขึ้นในสมัย ร.3 และร.4 ในโอกาสฉลองกรุง 100 ปี พ.ศ.2425 สถาปัตยกรรม ประติมากรรมวัดพระแก้วมี "ปราสาทพระเทพบิดร" หรือ พุทธปรางค์ปราสาท เป็นปราสาทยอดปรางจตุรมุข   ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1-8 "พระมณฑป" ด้านหลังปราสาทฯ มีตู้เก็บพระไตรปิฎกทรงมณฑปประดับมุก   "พระระเบียง" ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ที่เสาระเบียงมีโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดอยู่ มี"ยักษ์ทวารบาล" ตัวเอกจากรามเกียรติ์เรียงรายตามช่องประตูพระระเบียง 6 คู่ สร้างด้วยปูนปั้นทาสีและประดับกระเบื้องเคลือบ และ "พระอัษฎามหาเจดีย์" สร้างถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ภายนอกระเบียง 6 องค์ ภายในระเบียง 2 องค์ มีชื่อประจำทุกองค์  "หอพระคันธารราษฎร์" ประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฎร์ มีภาพเขียนเกี่ยวกับฝนฝีมือขรัวอินโข่ง "หอพระราชพงศานุสร"  ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ "หอพระนาก" อาคารทรงไทยหลังคามุงกระเบี้อง  เคลือบสี ประดิษฐานพระอัฐิพระบรมวงศ์ บริเวณวัดยังมีนครวัดจำลอง และเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา เป็นต้น
       ต่อมาในสมัย ร.7 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะทั้งพระอารามในโอกาสฉลองพระนคร 150 ปี และในรัชกาลปัจจุบันมีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้ง พ.ศ.2525 ในการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน

                                                        ภาคอีสาน

                                                        วังน้ำเขียว


วังน้ำเขียว มีถนนเส้นหลักที่พาดผ่านอำเภอกบินทร์บุรี จากด้าน จ.ปราจีนบุรี ผ่านวังน้ำเขียวยาวลงไปถึงปักธงชัย คือทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 304ปัจจุบันวังน้ำเขียวมีการปกครอง แยกเป็น 5 ตำบล ตำบลต่างๆ ประกอบด้วย ตำบลวังน้ำเขียว ตำบลไทยสามัคคี ตำบลอุดมทรัพย์ ตำบลวังหมี และตำบลระเริง และมีพื้นที่ติดต่อกับ อำเภอนาดี อำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่อง อำเภอเสิงสาง และอำเภอครบุรี
       สภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศภูมิประเทศของอำเภอวังน้ำเขียว ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง เลยทำให้วังเขียวมีอากาศที่เย็นสบายเกือบ ทั้งปีฝนก็ชุก และมีหมอกมาก จะเห็นได้จากคำขวัญของอำเภอที่ว่า "วังน้ำเขียว เมืองหนาว ภูเขามากมาย น้ำตกหลากหลาย ผลไม้นานาพันธุ์ แดนสวรรค์เมืองหมอก" แต่คนส่วนมากที่เคยมา เที่ยวจะกล่าวถึงวังน้ำเขียวว่าเป็น " สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน" เพราะพื้นที่และอากาศในแถบนี้คล้ายคลึงกับสวิตเซอร์แลนด์ เป็นโชคดีของคนไทยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงยุโรปก็สามารถ สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามได้เช่นกัน...ฤดูหนาวของวังน้ำเขียว เริ่มต้นประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อุณภูมิก็หนาวกำลังดีประมาณ 9-18 องศา ทำให้ได้รู้สึกถึงความเป็น หน้าหนาวจริงๆส่วนหน้าฝนนั้น มีฝนตกชุก เมื่อหลังฝนตกแล้ว ส่วนใหญ่จะมีหมอกพัดมาเป็นสายอย่างชัดเจน จนบางครั้งรู้สึกว่า อยู่ในทะเลหมอกเลยทีเดียว ซึ่งภาพและบรรยากาศแบบนี้ ยากที่จะบรรยายความสวยงามออกมาเป็นคำพูดได้ ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง

                                                           ภาคใต้

                                                          ทะเลตรัง



<>
ทะเลตรัง นับเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอันดามัน ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงแห่งหนึ่ง เสน่ห์ทะเลตรังอยู่ที่น้ำทะเลสวยใส หาดทรายขาว และเกาะน้อยใหญ่เรียงรายอยู่ไม่ไกลจากฝั่งเท่าใด เกาะที่สำคัญทางการท่องเที่ยวและสวยงามมีอาทิ
เกาะไหง เกาะกระดาน ส่วนเกาะเชือกและเกาะม้าเป็นเกาะที่มีปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้ และที่แปลกประหลาดที่สุด คือ ถ้ามรกตบนเกาะมุกในเขตอุทยานแห่งชาติเอาไว้นอกจากนั้นชายหาดไหม ที่ซุ่มซ่อน ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเอาไว้ นอกจากนั้นชายหาดอุทยานแห่งชาติเอาไว้ นอกจากนั้นชายหาดอุทยานแห่งชาติเจ้าไหมก็นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกบริเวณหนึ่งโดยเฉพาะ หาดปาดเม็ง คลองฉางหลาง และหมู่บ้านประมงหาดเจ้าไหม
ถ้ำประหลาด กลางทะเล มุดลอดเข้าไปจะพบทรายขาวและต้นไม้ซ่อนอยู่ใจกลางเกาะ การเข้าถึงต้องลอยคอในน้ำสอดถ้ำอันมืดมิด เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง จับคนข้างหน้าไว้ให้มั่นไม่งั้นอาจหลงทางได้ ใครเชื่อว่า เมื่อพ้นความมืดมิด ยามแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม
ถ้ำมรกต จ.ตรัง


ที่มา:http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-1/no16-25-26-42/kong-dee-kong-thai/sec04p03.html

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เที่ยวสบายๆ ต้องเที่ยวไทย

               ประเทศไทยเป็นที่ที่น่าเที่ยวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาคไหนๆของประเทศไทย