วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว 4 ภาค

ภาคเหนือ

พระธาตุดอยสุเทพ

เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและทางประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1927 มีบันได้นาคทอดยาวขึ้นไปสู่วัดเกือบ 300 ขั้น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ทรงมอญ ที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ มีชื่อเต็มว่า “วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพวรวิหาร”   ซึ่งจัดได้ว่า  เป็นปูชนียสถานที่แสดงออกถึงศิลปกรรมล้านนาไทยที่สำคัญคู่เมืองเชียงใหม่อนุสาวรีย์พระครูบาศรีวิชัย


                                                         ภาคกลาง
                                                                                                   
                                                         วัดพระแก้ว




พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" เมื่อพ.ศ.2325 ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ให้เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ในวังหลวงอยุธยา และให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต จึงเรียกชื่อ "วัดพระแก้ว" ทั่วกัน   วัดพระแก้วไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอารามมีขึ้นในสมัย ร.3 และร.4 ในโอกาสฉลองกรุง 100 ปี พ.ศ.2425 สถาปัตยกรรม ประติมากรรมวัดพระแก้วมี "ปราสาทพระเทพบิดร" หรือ พุทธปรางค์ปราสาท เป็นปราสาทยอดปรางจตุรมุข   ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1-8 "พระมณฑป" ด้านหลังปราสาทฯ มีตู้เก็บพระไตรปิฎกทรงมณฑปประดับมุก   "พระระเบียง" ผนังด้านในเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ที่เสาระเบียงมีโคลงอธิบายภาพจารึกบนแผ่นศิลาติดอยู่ มี"ยักษ์ทวารบาล" ตัวเอกจากรามเกียรติ์เรียงรายตามช่องประตูพระระเบียง 6 คู่ สร้างด้วยปูนปั้นทาสีและประดับกระเบื้องเคลือบ และ "พระอัษฎามหาเจดีย์" สร้างถวายแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ภายนอกระเบียง 6 องค์ ภายในระเบียง 2 องค์ มีชื่อประจำทุกองค์  "หอพระคันธารราษฎร์" ประดิษฐานพระพุทธคันธารราษฎร์ มีภาพเขียนเกี่ยวกับฝนฝีมือขรัวอินโข่ง "หอพระราชพงศานุสร"  ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ "หอพระนาก" อาคารทรงไทยหลังคามุงกระเบี้อง  เคลือบสี ประดิษฐานพระอัฐิพระบรมวงศ์ บริเวณวัดยังมีนครวัดจำลอง และเครื่องประดับพระอาราม เช่น กระถางเขามอ กระถางต้นไม้น้ำ แท่นหิน ไม้ดัดไทย อับเฉา เป็นต้น
       ต่อมาในสมัย ร.7 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะทั้งพระอารามในโอกาสฉลองพระนคร 150 ปี และในรัชกาลปัจจุบันมีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้ง พ.ศ.2525 ในการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธาน

                                                        ภาคอีสาน

                                                        วังน้ำเขียว


วังน้ำเขียว มีถนนเส้นหลักที่พาดผ่านอำเภอกบินทร์บุรี จากด้าน จ.ปราจีนบุรี ผ่านวังน้ำเขียวยาวลงไปถึงปักธงชัย คือทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 304ปัจจุบันวังน้ำเขียวมีการปกครอง แยกเป็น 5 ตำบล ตำบลต่างๆ ประกอบด้วย ตำบลวังน้ำเขียว ตำบลไทยสามัคคี ตำบลอุดมทรัพย์ ตำบลวังหมี และตำบลระเริง และมีพื้นที่ติดต่อกับ อำเภอนาดี อำเภอปักธงชัย อำเภอปากช่อง อำเภอเสิงสาง และอำเภอครบุรี
       สภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศภูมิประเทศของอำเภอวังน้ำเขียว ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง เลยทำให้วังเขียวมีอากาศที่เย็นสบายเกือบ ทั้งปีฝนก็ชุก และมีหมอกมาก จะเห็นได้จากคำขวัญของอำเภอที่ว่า "วังน้ำเขียว เมืองหนาว ภูเขามากมาย น้ำตกหลากหลาย ผลไม้นานาพันธุ์ แดนสวรรค์เมืองหมอก" แต่คนส่วนมากที่เคยมา เที่ยวจะกล่าวถึงวังน้ำเขียวว่าเป็น " สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน" เพราะพื้นที่และอากาศในแถบนี้คล้ายคลึงกับสวิตเซอร์แลนด์ เป็นโชคดีของคนไทยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงยุโรปก็สามารถ สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามได้เช่นกัน...ฤดูหนาวของวังน้ำเขียว เริ่มต้นประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อุณภูมิก็หนาวกำลังดีประมาณ 9-18 องศา ทำให้ได้รู้สึกถึงความเป็น หน้าหนาวจริงๆส่วนหน้าฝนนั้น มีฝนตกชุก เมื่อหลังฝนตกแล้ว ส่วนใหญ่จะมีหมอกพัดมาเป็นสายอย่างชัดเจน จนบางครั้งรู้สึกว่า อยู่ในทะเลหมอกเลยทีเดียว ซึ่งภาพและบรรยากาศแบบนี้ ยากที่จะบรรยายความสวยงามออกมาเป็นคำพูดได้ ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง

                                                           ภาคใต้

                                                          ทะเลตรัง



<>
ทะเลตรัง นับเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอันดามัน ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงแห่งหนึ่ง เสน่ห์ทะเลตรังอยู่ที่น้ำทะเลสวยใส หาดทรายขาว และเกาะน้อยใหญ่เรียงรายอยู่ไม่ไกลจากฝั่งเท่าใด เกาะที่สำคัญทางการท่องเที่ยวและสวยงามมีอาทิ
เกาะไหง เกาะกระดาน ส่วนเกาะเชือกและเกาะม้าเป็นเกาะที่มีปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้ และที่แปลกประหลาดที่สุด คือ ถ้ามรกตบนเกาะมุกในเขตอุทยานแห่งชาติเอาไว้นอกจากนั้นชายหาดไหม ที่ซุ่มซ่อน ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเอาไว้ นอกจากนั้นชายหาดอุทยานแห่งชาติเอาไว้ นอกจากนั้นชายหาดอุทยานแห่งชาติเจ้าไหมก็นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกบริเวณหนึ่งโดยเฉพาะ หาดปาดเม็ง คลองฉางหลาง และหมู่บ้านประมงหาดเจ้าไหม
ถ้ำประหลาด กลางทะเล มุดลอดเข้าไปจะพบทรายขาวและต้นไม้ซ่อนอยู่ใจกลางเกาะ การเข้าถึงต้องลอยคอในน้ำสอดถ้ำอันมืดมิด เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง จับคนข้างหน้าไว้ให้มั่นไม่งั้นอาจหลงทางได้ ใครเชื่อว่า เมื่อพ้นความมืดมิด ยามแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม
ถ้ำมรกต จ.ตรัง


ที่มา:http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-1/no16-25-26-42/kong-dee-kong-thai/sec04p03.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น